ณ อัมพวา (ตอนที่ ๔ ยามเช้า)


อ่านตอนก่อนหน้านี้ ได้ ที่นี่ ค่ะ

หลังจากค่ำคื่นที่เต็มไปด้วยความสุขจากการเที่ยวชมตลาดน้ำอัมพวา และตามไปดูหิ่งห้อยเกาะต้นลำพู ราวกับต้นกัลปพฤกษ์ สวยงามจับตา คืนที่แสงจันทร์สว่าง แต่ดาวกลับเต็มท้องฟ้า มิได้กลัวว่าแสงของจันทร์จะบดบังรัศมีของดาวเลยสักนิด ตักตวงความสุขเก็บไว้ฝันต่อไป

เช้าแล้ว ตื่นขึ้นมา มองไปนอกหน้าต่างเห็นคนมาออกันเต็มท่าน้ำ เอ สงสัยว่าทำอะไรกันนะ
ว่าแล้วก็ส่งลูกกระจ๊อก ไปสืบข่าว ได้ความว่า เค้ารอใส่บาตรกัน อืม เกือบตื่นไม่ทันแน่ะ
เรือที่มาขายของเป็นเรือขายขนม เลยได้ซื้อขนมใส่บาตรกัน

สักพัก พระก็พายเรือมารับบาตร ช่างเป็นยามเช้า ที่น่าสุขใจและอิ่มบุญ




ใส่บาตรเสร็จก็ไปอาบน้ำ มาเก็บภาพบรรยากาศยามเช้า สบายตาและสุขใจไม่แพ้ยามค่ำคืนทีเดียว


ฟ้าและน้ำ ที่ดูแตกต่าง แต่กลับมองเห็นสิ่งเดียวกัน


ดอกไม้ ไม่มีตอนไหนจะสวยเท่า ยามเช้า

ปิดท้ายด้วย ทิวทัศน์ริมฝั่งคลอง กับแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้า

Coup Effect

หายไปหลายวัน ไม่ได้ up blog เลย ปล่อยให้ P' Moo+ แซง up ไปก่อน ต่อให้ก่อนหรอกน่า แต่ที่หายไปเนื่องจากว่า สภาพร่างกายไม่เป็นใจ ไม่รู้ว่าเป็นผลกระทบจากการปฏิวัติ หรือเปล่า เพราะเป็นหลังจากคืนวันปฏิวัติพอดี อิอิ

มีอาการอาหารเป็นพิษครบถ้วนทุกอาการ แถมหนักหนาสาหัส มีผลทำให้ไม่ได้ปฏิบัติราชการ (เอ้ย ไปทำงาน) สองวัน รวมกับวันหยุดราชการอีกหนึ่งวัน เสาร์อาทิตย์อีกสองวัน รวมเบ็ดเสร็จห้าวัน ที่นอนอยู่บ้าน

พอบอกใครๆ ว่าอาหารเป็นพิษ ทุกคนก็ต้องถามว่า "ไปกินอะไรมาล่ะ"
โธ่ ถ้ารู้ว่ากินอะไรแล้วเป็น จะกินทำไมล่ะ ก็เลยต้องตอบไปว่า "ไม่รู้อ่ะ"

พอวันแรกที่มีอาการ เย็นก็ไปหาหมอ พอบอกว่าท้องเสีย โน่น โดนนอนบนเตียงลากเข้าห้องฉุกเฉินไปเลย (ช้านเป็นหนักขนาดนั้นเลยเหรอ) แปลกดี คือไม่ต้องเดินไปหาหมอ ให้หมอเดินมาหาเรา ดี แต่แปลกๆ อ่ะ นอนในห้องฉุกเฉินซักพัก ก็มีคนมาวัดไข้ วัดความดัน ก็แปลกอีก ทุกอย่างปกติไข้ไม่มี ทั้งๆที่ก่อนออกจากบ้านวัดไข้ได้ตั้ง 38 องศา อ่ะ

สักพักหมอก็มา จับโน่น ฟังนี่ แล้วก็ถามว่าไหวป่ะ ไม่ไหวก็นอนให้น้ำเกลือ ใครจะบอกว่าไม่ไหว ยังกะนอนโรงพยาบาลมันสนุกนักนี่ นอนบ้านดีก่า ไม่โดนพยาบาลปลุกทั้งคืน (แต่หลังจากกลับไปบ้าน พบว่า โดนที่ทำงานปลุกทั้งวัน ฮา....)

แล้วก็โดนฉีดยาไปอีกหนึ่งเข็ม เจ็บอ่ะ นอนดูอาการสักพัก หนาว ไม่ไหว โรงพยาบาลนี้ แอร์หนาวชะมัด กลับบ้านดีกว่า

แล้วก็มานอนแบ็บที่บ้านอีกสามวัน เมื่อไหร่จะหายเนี่ย อยากกินส้มตำอ่ะ :-P

ช้อป ๆ

วันนี้โดนปลุกแต่เช้า ทั้งๆ ที่เพิ่งนอนไปตอนตีสามกว่าๆ เอง
P' Moo+ จะเอา Jinwin+ ไปพ่นกันสนิม ที่ศูนย์ฮอนด้า สมุทรปราการ
ไปถึง ฟลุ๊คมาก ได้แซงคิว ทำก่อน เที่ยงก็เลย เสร็จแระ

เอ... ไปไหนดีหว่า

ตอนแรก จะไปร้านขายรองเท้าเดินป่า (ที่มาขายที่ศูนย์ประชุม แล้วไม่มี size เราอ่ะ ความเดิม)
อยู่แถวๆ บางนา แต่หาไม่เจอ :-P เลยอดตามเคย

สุดท้ายก็เลยไปเดิน fortune ดีก่า ว่าจะไปดูของใน sport world

ไปถึง เดินผ่านร้านขายคอมหลายร้าน เลยได้ หูฟังกะไมค์ ใหม่มาคนละอันกะ P' Moo+
แล้วก็ได้ซองใส่ Notebook อีกคนละซอง อิอิ ก่อนลงไป sport world

เดินดูกางเกงกีฬาใน sport world ยังไม่ปิ๊ง ตัวไหน
P' Moo+ ก็มาลากไปดู ถุงนอน !!
ไม่ใช่ถุงนอนทำ-มะ-ดา แต่เป็นถุงนอนขนเป็ด แพงอ่ะ แต่นุ่มดีแฮะ
ดูๆ ไปก็เข้าที เพราะพับแล้วเล็กดี น้ำหนักประมาณ 600 g น่ารักซะ
เอาละ ซื้อดีก่า ลดเยอะเหมือนกัน เลยตัดสินใจซื้อคนละอัน
แต่ปรากฎว่า ตรงสายรูดปิดตรงหน้า มีปัญหาอ่ะ มีดีแค่อันเดียว
คนขายเลยบอกว่าให้มาซื้ออีกอันพรุ่งนี้ละกัน เราสองคนก็เลยบอกว่า
งั้นมาซื้อทีเดียวพรุ่งนี้สองอันละกัน
ว่าแล้วก็ไปหาข้าวกิน
สรุป เลยไม่เสียตังค์แฮะ (ว่าแต่พรุ่งนี้จะไปซื้อมั้ยเนี่ย P' Moo+ )

ณ อัมพวา (ตอนที่ ๓ ค่ำแล้ว)

มืดแล้ว แต่ตลาดน้ำอัมพวา กลับเต็มไปด้วยแสงไฟ
คนกลับคึกคักมากขึ้น อากาศกำลังเย็นสบาย

เดินข้ามสะพานมาเพื่อจะไปยังอีกฝั่งของคลอง
วิวจากบนสะพาน มองไปทางออกแม่น้ำแม่กลอง

ข้ามมาถึงอีกฝั่ง ร้านค้า ดึงดูดลูกค้า ด้วยแสงไฟอบอุ่น

ชวนมอง ดูมีเสน่ห์ ให้ต้องแวะชม

แสงไฟ ต้องกับสินค้า ต้องตาคนเดินผ่าน

ปิดท้าย ด้วยหน้าร้าน น่านั่ง ปล่อยอารมณ์ ไปกับความงามของลำน้ำยามค่ำคืน

ณ อัมพวา (ตอนที่ ๒ ภาคตลาดน้ำยามเย็น)

พอห้าโมงจะครึ่ง เรือก็มารอเราอยู่แล้ว
จาก "บ้านไม้ชายคลอง" นั่งเรือไปแป๊บนึง ก็ออกแม่น้ำแม่กลอง
ข้ามไปอีกฟากของฝั่งแม่น้ำ ก็จะเจอกับตลาดน้ำอัมพวา
เรือจอดให้เราลงเดินตลาดน้ำเล่น นัดว่าจะมารับตอนสองทุ่ม
มีเวลาเดินร่วมสองชั่วโมง จึงไม่ต้องรีบร้อนอะไร
ก่อนอื่นก็เลยสำรวจทางฝั่งด้านที่เรือจอดก่อน
มีร้านขายของมากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นร้านขายของกินได้
คนมาที่นี่ทุกคน ยิ่งถ้าเป็นคนชอบชิมแล้วด้วย
ก็จะหาความสุขจากตลาดน้ำอัมพวา ได้ไม่ยากเลย ...

พันท์สีสวย ชื่อแปลกหู ชวนให้ลิ้มลอง

ขนมแปลกตา เป็นวุ้นในเปลือกไข่ มีทองหยอดเป็นไข่แดงอยู่ข้างใน
เห็นแล้วอดใจ ไม่ซื้อไม่ได้ :-)

ร้านขาย Postcard ที่เต็มไปด้วยเรื่องราว

ร้านขายน้ำหวานสีสันละลานตา ล่อใจให้ลองชิม

ปิดท้ายด้วย ป้ายบอกทาง ที่ทุกคนต้องเหลียวมอง และอดไม่ได้ ต้องเก็บภาพมา



ป.ล. ความสุขยังไม่หมดเพียงแค่นี้ ติดตามตอนต่อไปนะคะ

คิดถึง

ปล่อยความคิดถึงปลิวไปในอากาศ
ล่องลอยหัวใจสะอาด ปล่อยไปแสนไกล
กรุ่นกลิ่นบุหงาพัดมาด้วยรักจากใจ
เพียงหวังให้ถึงใคร คนที่รอคนนั้น
...
ส่งความคิดถึงปลิวไปในอากาศ
คิดถึงใจจะขาด เธออาจไม่เข้าใจ
แค่อยากให้รู้ ไม่ได้ต้องการสิ่งใด
เธอไม่ต้องคืนใจ ถ้าเธอไม่ต้องการ
...
ฝากเป็นเพลง ให้ลอย เล่นลมไป
ล่องลอย ผ่านไปถึงเธอ
แม้จะเนิ่นนาน ยังรักเธอ
ตราบนาน อสงไขยเวลา
...
หากเพลงคิดถึงที่ปลิวไปในอากาศ
เพียงถ้ามันพลั้งพลาด ไปไม่พบเธอ
ให้บทเพลงนี้ล่องลอยไปเสมอ
รอสักวันที่เจอ คนที่เขาต้องการ

ณ อัมพวา (ตอนที่ ๑)

วันหยุด อาทิตย์นี้ วันดี ไปเที่ยวกันดีกว่า :-P
P' Moo ไม่ต้องทำงานด้วย ไปไหนกันดีน๊อ
สุดท้าย ก็มาลงตัวที่ อัมพวา ไปดูหิ่งห้อยกัน
โทรจองบ้านพัก โชคดีจริงๆ ได้บ้านริมน้ำ หลังสุดท้าย
เราก็เลยได้มาพัก "บ้านไม้ชายคลอง" กัน
ออกจากกรุงเทพ แวะทำธุระโน่นนี่ ก็ปาเข้าไปเกือบบ่าย
มาถึงที่พัก ก็เกือบจะบ่ายสาม
แดดยังไม่ร่ม แต่มีลมจากคลอง ทำให้ไม่ร้อนเท่าไหร่
ที่พักน่ารักมาก มีระเบียงไม้ ให้นั่งเล่นนอนเล่น
เก็บของเสร็จ ก็ต้องมาบันทึกภาพ เก็บไว้ดู



พอแดดร่ม ก็ออกไปพายเรือในคลองเล่น ได้เหงื่อเหมือนกัน
เล่นเอาตัวเปียกไปเกือบครึ่งตัว
....
...
...
ขึ้นมานั่งพัก ถ่ายรูปต่อ





นัดเรือเอาไว้ตอนห้าโมงครึ่ง จะมารับเราไปเดินตลาดน้ำอัมพวากัน

โปรด ติดตาม ตอนต่อไป

ป.ล. ชมภาพนางแบบโฆษณาตลาดน้ำ ได้ที่นี่ :-)